รถยนต์เป็นอีกหนึ่งทรัพย์สินที่มีค่า สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ แถมยังสามารถใช้งานรถได้ตามปกติ ด้วยการนำรถยนต์ไป ‘ขอสินเชื่อรถแลกเงิน’ หรือ ‘รีไฟแนนซ์’ ก็ได้ แต่เงื่อนไขการกู้สินเชื่อรถแลกเงินและรีไฟแนนซ์จะมีส่วนที่แตกต่างกันออกไป หลายคนจึงสงสัยว่าหากรถยังติดไฟแนนซ์อยู่สามารถขอสินเชื่อรถแลกเงินได้หรือไม่ มาหาคำตอบไปพร้อมกันเลย

รถยนต์ติดไฟแนนซ์ เป็นรถที่ยังไม่ปลอดภาระหรือยังผ่อนชำระไม่หมด โดยผู้ถือกรรมสิทธิ์รถคือบริษัทไฟแนนซ์ ซึ่งผู้ใช้รถจะต้องผ่อนชำระค่างวดให้ครบถ้วน จึงจะได้รถมาเป็นทรัพย์สินของตนเอง แต่ถ้าผู้ใช้รถมีความจำเป็นต้องใช้เงินสดในขณะที่ยังผ่อนค่างวดรถไม่หมด ทางออกหนึ่งคือการจำหน่ายรถออกไปให้ผู้ที่มาซื้อรถรับภาระผ่อนงวดรถต่อไปโดยแลกกับเงินก้อนที่จ่ายไปแล้วก่อนหน้านี้ อีกวิธีหนึ่งหากไม่อยากขายรถออกไปสามารถนำรถไปรีไฟแนนซ์โดยจะได้เงินก้อนเป็นส่วนต่างที่นำมาปิดหนี้ก้อนเดิมและเริ่มชำระค่างวดตามสัญญากู้ใหม่ ข้อดี คือ ลดภาระหนี้ลงและขยายระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ได้นานขึ้น แต่หากต้องการขอสินเชื่อรถแลกเงินเพื่อให้ได้เงินสดมาสักก้อน จำเป็นต้องใช้รถที่ปลอดภาระหรือรถที่ผ่อนชำระมาได้แล้วครึ่งหนึ่งหรือเกือบหมดขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัท

ดังนั้น รถที่ติดไฟแนนซ์อาจขอสินเชื่อรถแลกเงินได้ตามเงื่อนไขของสถาบันการเงินแต่ละแห่ง แต่ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การรีไฟแนนซ์มากกว่า หากเป็นรถที่ปลอดภาระแล้วจะเหมาะสำหรับการขอสินเชื่อรถแลกเงิน เพื่อความชัวร์ มาทำความรู้จักกับสินเชื่อประเภทนี้ให้มากขึ้นดีกว่า

สินเชื่อรถแลกเงิน

เป็นการนำรถยนต์ที่ปลอดภาระหนี้และมีเล่มทะเบียนมาค้ำประกัน สำหรับยื่นขอสินเชื่อรถแลกเงินได้โดยไม่จำเป็นต้องมีผู้ค้ำประกัน ซึ่งวงเงินที่จะขอกู้ได้ของรถแต่ละคันก็จะแตกต่างกันออกไปตามสภาพอายุการใช้งานและปัจจัยอื่นๆ เช่น อายุของรถ ยี่ห้อของรถ ราคากลางประเมินรถ เป็นต้น โดยผู้ขอสินเชื่อยังสามารถครอบครองและมีสิทธิ์ใช้งานรถได้ตามปกติ

ระยะเวลาการผ่อนสินเชื่อรถแลกเงิน

สินเชื่อรถแลกเงินสามารถเลือกผ่อนได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ได้แก่

1. การผ่อนระยะสั้น ยอดชำระหนี้ในแต่ละเดือนสูงแต่มีดอกเบี้ยน้อยลง แลกกับระยะเวลาผ่อนชำระหนี้สั้นๆ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้ประจำ หรือมนุษย์เงินเดือน ที่มีสามารถบริหารจัดการเงินของตนเองได้มั่นคงในแต่ละเดือน
2. การผ่อนระยะยาว จะมียอดชำระหนี้ในแต่ละเดือนเฉลี่ยต่ำลง แต่จะมีอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าจะใช้เวลานานกว่าจะผ่อนหนี้ก้อนนั้นให้หมดแต่ภาระรายเดือนก็ไม่หนักมากเกินไป จึงเหมาะกับผู้ที่มีอาชีพอิสระหรือผู้ที่มีรายได้ไม่แน่นอน และจะต้องมีวินัยทางการเงินในแต่ละเดือนให้มากขึ้น

ประเภทของสินเชื่อรถแลกเงิน

การขอสินเชื่อรถแลกเงินสามารถทำได้ทั้งแบบโอนเล่มทะเบียน และไม่โอนเล่มทะเบียน

• แบบโอนเล่มทะเบียน
  ผู้ขอสินเชื่อรถแลกเงินจะต้องโอนเล่มทะเบียนรถฉบับจริงมาเป็นกรรมสิทธิ์ของสถาบันทางการเงิน โดยเราจะจะมีค่าธรรมเนียมตามกฏหมายที่ผู้ขอสินเชื่อต้องจ่ายเอง และหากผ่อนชำระค่างวดจนครบกำหนดแล้ว ก็สามารถโอนกรรมสิทธิ์กลับมาเป็นของตนเองได้เหมือนเดิม วิธีนี้จะมีอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงและได้วงเงินที่สูงกว่าแบบไม่โอนเล่ม
• แบบไม่โอนเล่มทะเบียน
  ผู้ขอสินเชื่อสามารถทำได้โดยการโอนลอย ซึ่งไม่ต้องเปลี่ยนชื่อผู้ถือเล่มทะเบียนรถแต่อย่างใด แต่สถาบันการเงินจะสามารถยึดรถและกรรมสิทธิ์ครอบครองรถของผู้ข้อสินเชื่อได้ทันทีหากไม่สามารถชำระค่างวดได้ตามที่กำหนด ข้อดี คือ ได้รับเงินไวและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการโอนเล่มทะเบียน ซึ่งใช้เวลาเพียง 1-3 วันในการอนุมัติสินเชื่อ

เอกสารที่ต้องใช้ในการขอสินเชื่อแลกรถ

หากต้องการยื่นขอสินเชื่อจำเป็นต้องเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน หากเอกสารอย่างใดอย่างหนึ่งขาดตกบกพร่องอาจทำให้การขอสินเชื่อล่าช้า โดยเอกสารที่ใช้ ได้แก่ เล่มทะเบียนรถตัวจริง บัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เอกสารแสดงรายได้หรือ Statement ย้อนหลัง 6 เดือนหรือเอกสารแจ้งแหล่งที่มาของรายได้กรณีผู้ขอสินเชื่อทำอาชีพอิสระและมีรายได้ที่ไม่แน่นอน

หากไม่รู้ว่าจะเลือกสินเชื่อแบบไหนดี เพราะมีรายละเอียดที่บางอย่างต่างกันและมีบางส่วนที่คล้ายกันอยู่บ้าง รวมทั้งมีหลายเงื่อนไขที่ต้องทำความเข้าใจให้ละเอียด สามารถเลือกปรึกษาผู้ให้บริการด้านการเงินชั้นนำ อย่าง Rabbit Care ที่สามารถประเมินความสามารถในการขอสินเชื่อรถแลกเงินได้อย่างสะดวกรวดเร็วผ่านช่องทางออนไลน์ ช่วยเปรียบเทียบและเลือกสถาบันการเงินที่มีโอกาสได้รับอนุมัติสูงสุด รวมพันธมิตรสถาบันการเงินหลากหลายแห่ง สามารถเลือกแผนสินเชื่อรถแลกเงินได้แม้ยังติดไฟแนนซ์อยู่

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Care Center โทร. 1438 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสนใจสินเชื่อที่หลากหลาย สามารถเข้าชมได้ที่เว็บไซต์ https://rabbitcare.com/loan